วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ถ้าไม่ถามก็จะไม่มีคำตอบ



- เก็บสั้น กับเก็บยาว อันไหนง่ายกว่า ?
- ถือออเดอร์ นานๆ กับ แปป เดียว อันไหนสบายใจกว่า ?
- อยู่กับตลาดนานๆ กับอยู่กับตลาดแปปเดียว อันไหนมีความสุขกว่า ?
- กราฟรกๆดูวุ่นวาย กับ กราฟง่ายๆดูสะอาดตา อันไหนช่วยในการตัดสินใจได้มีประสิทธิภาพกว่า ?
- ตัดสินใจ ซื้อขาย บ่อยๆ กับ ไม่กี่ครั้ง อย่างไหนให้ผลดีกว่า?
- ใช้ leverage ใช้ money management ใช้ การทบต้นทบดอก ช่วยจะดีกว่ามั้ย ?
- อยู่อย่างยั่งยืน กับ ได้แบบฉาบฉวย ชอบแบบไหน?
- รู้จักพอเป็นหรือเปล่า?
- แล้วเราเทรด forex เพื่ออะไรกัน ?
คำถามที่คำตอบอาจจะเหมือนหรือต่างกัน คำถามพวกนี้ตอบผิดหรือถูกไม่มีคะแนนให้ เพราะไม่ใช่ข้อสอบในห้องเรียนแต่ มันมีความหมายมากกว่านั้น




รู้จักกฏ 80/20 หลักการพาเรโต มั้ยครับ

"หลักการพาเรโต" ตั้งขึ้นในปี 1895 ตามชื่อผู้สร้างกฎ  " วิลเฟรโด พาเรโต "
ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลี่ยน
กฎดังกล่าวอธิบายถึงสิ่งที่สำคัญหรือมีประโยชน์จะมีอยู่เป็นจำนวนที่น้อยกว่าสิ่งที่ไม่สำคัญ
หรือไม่มีประโยชน์ซึ่งมีจำนวนที่มากกว่า ในอัตราส่วน 20 ต่อ 80 หรือ ที่เรียกกันว่า
กฎ 80/20 ของพาเรโตนั่นเอง
1.ความหมายของกฎ 80/20
สิ่งที่สำคัญจะมีเพียง 20 % ของสิ่งที่ไม่สำคัญอีก 80 %
เป็นกฎที่แสดงถึงความไม่สมดุล ที่สามารถพบเห็นทั่วไปในชีวิตประจำวัน
และในระดับมหาภาค เช่น
.... ข้อผิดพลาดในการผลิต หรือของมีตำหนิผิดพลาดจากการผลิต 20 % นั้น เป็นปัญหา
80% ของปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด เสื้อผ้าทั้งหมดของเรา จะมีตัวเก่งที่เราสวมใส่ประจำอยู่
เพียงไม่กี่ตัวหรือเพียง 20 % เท่านั้นเอง 
หากคุณครูให้จับกลุ่มกันทำรายงานจำนวน 10 คน จะมีเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่เป็นแกนนำ
ในการทำการบ้านเกือบทั้งหมด ที่เหลือจะช่วยกันทำเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
หากเราจะอ่านหนังสือสอบ จะมีเนื้อหาเพียง 20 % ในเล่มเท่านั้นที่ออกข้อสอบ แต่ประเด็น
สำคัญคือ เนื้อหาส่วนนี้อยู่ที่ไหนของเนื้อหาทั้งหมดภายในเล่ม
คนทำงานที่เจริญก้าวหน้า ซึ่งเป็น 20 % ของคนทั้งหมด จะมีลักษณะจดจ่ออยู่กับกิจกรรม
ที่ไปสู่จุดมุ่งหมายหลักของชีวิต ทำในสิ่งที่ต้องการทำหรือทำให้รู้สึกดี อาจจะทำในสิ่งที่ไม่
ต้องการบ้าง แต่ทำเพราะว่ามันเป็นหนทางไปสู่เป้าหมายภาพรวมที่หวังไว้ สามารถหาคนทำ
ในสิ่งที่ไม่อยากทำหรือไม่ถนัดที่จะทำได้ และสุดท้ายคือ มีความสุขที่ได้ทำ  ส่วน 80 %
ที่เหลือ จะทำงานอยู่กับสิ่งที่คนอื่นต้องการให้ทำ แต่ตัวเองไม่ได้มีส่วนลงทุนอะไรตรงนั้น
ทำงานในงานที่ต้องการอย่างเร่งด่วนบ่อยๆ ใช้เวลาไปกับงานที่ไม่ถนัดเสียมาก
การทำงานใช้เวลามากกว่าที่คิด และรวมไปถึงการที่พบว่า ตัวเองบ่นเรื่องงานอยู่ตลอดเวลา
สังเกตหรือไม่ว่าในร้าน 7-11 มีสินค้าเป็นจำนวนมากหลายพันรายการ รายได้กว่า 80 %
มาจากรายการสินค้าเพียง 20 % จากรายการสินค้าทั้งหมดที่วางขายอยู่ในร้าน
คงสงสัยว่าทำไม  ไม่ขายเฉพาะสินค้าที่ขายดีเท่านั้น คำตอบก็คือ ร้านค้าจำเป็นที่จะต้อง
มีสินค้าที่หลากหลายเพราะว่าผู้บริโภคนั้นมีความต้องการที่มีความแตกต่างกันนั่นเอง
 2.การนำกฎ 80/20ไปใช้ในการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
หากเราพบว่า สิ่งไหนให้ประโยชน์สูง ก็ควรเน้นส่งเสริมสิ่งนั้น หรือในทางตรงกันข้ามกัน
ให้เพิ่มประสิทธิผล ของสิ่งจำนวนมากที่เหลือให้ขยายรากฐานกว้างขึ้น เช่นการมุ่งเน้น
ส่งเสริมเศรษฐกิจระดับรากหญ้าให้เข้มแข็ง
3.การนำกฎ 80/20ไปใช้อย่างมีคุณธรรมจริยธรรม
คนรวยจำนวน 20 %ของคนทั้งประเทศและมีทรัพย์สินหรือก่อให้เกิด GDP รวมกันคิดเป็น
 80 % ของทรัพย์สินหรือรายได้มวลรวมประชาชาติของคนทั้งประเทศ
 ที่มา:http://www.oknation.net/blog/knowledge09/2009/08/15/entry-1

วันนี้เลยขอทิ้งท้ายด้วยสถิติที่น่าสนใจบางอย่างซึ่งค่อนข้างตรงสำหรับสถิติการแข่งเทรด forex ครับ
"จำนวนผู้เล่น เยอะขึ้นทุกปี แต่อัตราส่วนของผู้ชนะและแพ้ยังคงเท่าเดิม"
cr:หนังเรื่อง call margin

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป แต่พอดีๆ

วันก่อนได้ศึกษาเรื่อง law diminishing returns  ทำให้นึกถึง เรื่องการเทรดขึ้นมาในหัวทันที ถ้าเราเทรดวันนึงบ่อยมากๆ จากที่ มีกำไร ก็จะทำให้คืนกำไรกลับสู่ตลาดทันที จริงๆแล้วเราควรจะเทรดแต่พอดี ในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่มาก ไม่น้อย แต่พอดีตัว เดินทางสายกลาง น่าจะยั่งยืนในระยะยาวนะครับ    ( จากภาพลองให้แกน x เป็น จำนวนการเทรด แกน y เป็น กำไร)

>>กฎผลตอบแทนลดน้อยถอยลง
(law of diminishing returns) หรือกฎผลิตภาพหน่วยท้ายสุดลดลง (law of decreasing marginal productivity
ถ้าให้ปริมาณปัจจัยการผลิตอื่นๆ คงที่ และปริมาณของปัจจัยการผลิตปัจจัยหนึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดผลผลิตหน่วยท้ายสุดจะลดลง <<
ref:จากเรื่อง The Natural Laws of Economics โดย ศ. ดร. Fred E. Foldvary

system trading ทั้งหลายต้องรู้นะครับ ว่า ระบบที่เราใช้ก็คือกลยุทธ์การเข้าตี กองทัพคู่ต่อสู้ ซึ่งต้องเข้าใจว่า จุดอ่อน จุดแข็ง ของเขาและเราอยู่ตรงไหน เช่น ระบบของเราเหมาะกับอารมณ์ตลาดแบบนี้ เราก็ต้องดูตลาดว่า อยู่ในอารมณ์ แบบที่เราต้องการหรือไม่ บางระบบ ไม่ถูกกับวันที่มีข่าวแรงๆ บางระบบเหมาะ ช่วงเวลาในการเข้าตีกองทัพคู่ต่อสู้ ตรงนี้เราก็ต้องเลือกว่า ควรจะเทรดช่วงไหนเวลาไหน ไม่ใช่เข้ามั่วซั่ว แล้วก็ช่วงเวลาในการเทรด ที่เหมาะสมกับตัวเรา รู้ว่าตัวเองมีข้อจำกัดอะไรบ้าง รู้ว่าวันๆหนึ่งจะเทรดอยู่กี่ไม้ รู้จักพอ ไม่โลภมาก  (เคยเป็นมั้ยครับนั่งเฝ้าจอทั้งวันทั้งคืน แบบ nonstop จากที่มีกำไร จากนั้นก็คืนไปหมดเผลอๆกินทุน ไปจนถึงชิบหายด้วย เพราะว่าร่างกายของเรามันมีข้อจำกัด การตัดสินใจอะไรบ่อยๆมากเกินไปย่อมไม่ดี และมีข้อผิดพลาดสูงขึ้น ยิ่งร่างกายที่เหนื่อยล้า การตัดสินใจ และสมาธิ ยิ่งลดน้อยลง) ที่สำคัญอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เราคือเรา เขาคือเขา จงเรียนรู้จากผู้อื่น แต่จงแข่งขันและชนะใจตัวเองครับ

อีกหนึ่ง เทคนิค ในการ เข้าเร็ว ออกเร็ว

ในที่สุดพรุ่งนี้ผมก็จะว่างกลับมาเทรดตามปกติแล้ว ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเอาอีกหนึ่งเทคนิค ที่ผมใช้ในการเทรด สั้นๆ เข้าเร็ว-ออกเร็ว ใน tf1 minute  มาแบ่งปันแล้วกันนะครับ โดย เครื่องมือหลักๆจะเป็น bollinger band แล้วก็ relative strength index หรือจะใส่ fractal ตามเข้าไปด้วยก็ได้ ยังไงลองเอาไปปรับใช้ดูนะครับ ถ้ามีประโยชน์ต่อท่านๆผมจะดีใจมากเลย ;)