วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

"ความสำเร็จ ในแบบของแต่ละคน"

         

           คือผมมานั่งคิดว่า ไอ้ความสำเร็จ เนี่ยมันคืออะไรกันแน่?
แล้วตอนไหนละถึงจะเรียกว่า "ประสบความสำเร็จ" ?
มาตราฐานอยู่ตรงไหน?

แล้วมันเหมือนกันทุกคนรึเปล่า ไอ้ความสำเร็จเนี่ย ?

          ผมเลยมาคิดว่า เฮ้ย!!! ในเมื่อมนุษย์เราแต่ละคน 
มีความแตกต่าง
มีความเป็นอัจฉริยะภาพที่ไม่เหมือนกัน 
เพราะงั้น ไอ้ความสำเร็จ นี่ก็น่าจะไม่เหมือนกัน 
ใครที่บอกว่า จะต้องมีรถแพงๆหรูๆขับ อวดรวย โชว์ของแบรนเนม อยู่ในที่หรูๆ ผมว่างั้นก็ไม่น่าเอามาเป็น reference ให้กับคำว่า " ความสำเร็จ " 
เพราะผมสังเกตเห็นคนในโลกนี้ที่พยายามขับเคลื่อนด้วยระบบทุนนิยม วัตถุนิยม ส่วนใหญ่มักจะลงเอยด้วยตอนจบที่ไม่สวยซักเท่าไหร่ 
ก็เลยมาคิดต่อว่า งั้นที่ว่า" ประสบความสำเร็จ "จริงๆแล้วมันน่าจะเกี่ยวข้องกับ 
" ความสุข " ," ความพอดี " , " ความพอใจในสิ่งที่ตนมี " และที่ขาดไม่ได้คือ " ความรับผิดชอบ "

           ในมุมมองของผมนั้นเห็นว่าการที่คนติดในระบบทุนนิยม ติดในวัตถุ ติดในรูป รส กลิ่น เสียง นั้น มักเป็นผู้ที่ลุ่มหลง มัวเมา อย่างไม่มีที่สิ้นสุด คือ กิเลส เนี่ย มันมีเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น ไม่มีปลายทาง เพราะฉะนั้น หากเห็นแบบนี้แล้วก็พอจะเชื่อมได้ว่า หากยังขับเคลื่อนด้วยทุนนิยม นั้น ยากที่จะเข้าใกล้ ความพอดี และความพอใจ เพราะมันไม่จบไม่สิ้น และเราคงวิ่งไล่หาความสำเร็จอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้างั้น ความสำเร็จ ก็น่าจะหมายถึง คนที่มีความสุข มีความรักความพอใจในสิ่งที่ตนเองมี รู้จักดูแลและรับผิดชอบ ทั้งต่อตนเองและสังคม คือนอกจาก
จะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้วก็สามารถช่วยเหลือสังคมได้อีกด้วย สุดท้ายแล้วนิยามของความสำเร็จนั้นคงไม่มีรูปแบบที่แน่ชัดและ
ทุกคนคงต้องไปหาความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งคงไม่เหมือนกัน ไม่มีผิด ไม่มีถูก และเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ^ ^

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สิ่งที่มืออาชีพและผู้ที่ประสบความสำเร็จ ผู้ที่เคยผ่านจุดสูงสุดบนสายอาชีพให้ความสำคัญ นั่นคือ "ความคิด"



ในวงการเทรดหากพูดถึง idol ระดับโลกแล้วละก็คงจะไม่พ้นสองคนนี้ นั่นคือ ลุงวอเรน บัฟเฟต และลุงจอร์จ โซรอส แต่หากในวงการนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ระดับโลกแล้ว คงไม่พ้นเค้าคนนี้ Valentino Rossi (วาเลนติโน รอสซี)

    Valentino Rossi (วาเลนติโน รอสซี) เป็นนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์รุ่นโมโตจีพี (MotoGP) แชมป์โลกหลายสมัยชาวอิตาลี เป็นนักแข่งที่มีผู้คนชื่นชอบเป็นจำนวนมาก ด้วยการขับขี่ที่ดุเดือด และถือเป็นนักแข่งคนหนึ่งที่ทำสถิติแชมป์โลกหลายสมัยใน MotoGP 

      หากเราพูดถึงการเรียนรู้ที่ดีและลัดที่สุด นั่นก็คือการเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น อาจารย์ที่สอนผมสมัยเรียนปริญญาโท หลายๆท่านมักสอนผมว่าหากเราต้องการเป็นแบบไหนให้เรียนรู้กับคนๆนั้นและยิ่งเป็นคนระดับโลกด้วยแล้วละก็ยิ่งดี ตั้งแต่นั้นมาผมก็ยึดหลักคิดนี้มาใช้โดยตลอดและต้องยอมรับเลยละครับว่ามันให้ผลดีอย่างน่าเหลือเชื่อ หลักคิดนี้มีขึ้นมาเพราะว่าต้องการให้ความสำคัญเรื่องของ "เวลา" ทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด และเป็นทรัพยากรหรือจะเรียกว่าเป็นต้นทุนที่ถูกลืมอยู่เสมอ เพราะว่าชีวิตคนเรานั้นมีเวลาอยู่จำกัด ไม่มีใครพ้นเรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่เป็นธรรมชาติของโลกไปได้เลย

       ในวันนี้ผมได้มีโอกาสศึกษาประวัติและเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก อย่าง Valentino rossi  ซึ่งผมสามารถสรุปเป็นประเด็นสั้นๆที่แฝงไปด้วย "แก่น" หรือ "เนื้อ" ได้ว่า
       การเรียนรู้ หมายถึงการ ล้ม ในการขับรถแข่งที่ใช้ความเร็วสูง คุณจำเป็นที่จะต้องไปให้เกินขีดจำกัด แล้วคุณจะรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน และสิ่งที่คุณจะเลี่ยงไม่ได้เลย นั่นคือ การล้ม  นักแข่งที่ช้าจะไม่รู้เลยว่าตัวเองจะไปได้เร็วแค่ไหน คุณต้องทำ!!! คุณต้องล้ม!!! คุณต้องเรียนรู้จากมันถ้าคุณอยากจะอยู่ต่อ   มันมีนักแข่งหลายคนที่ขี่ได้เร็วแต่ไม่ฉลาด เร็วอย่างเดียวมันไม่พอ คุณต้องมีความลงตัว ระหว่าง ความเร็ว ความกล้า และความฉลาดด้วย หลายคนรู้ทฤษฏี และเทคนิคมากมาย ....มันไม่ใช่เลย  แต่มันเกี่ยวกับ 
" ความคิด " เพราะแบบนั้นจึงมุ่งตรงไปที่ความคิดของนักแข่ง  ซึ่งมันไม่มีวิธีการไหนตายตัว ไม่มีวิธีที่ถูก และวิธีที่ผิด กับการขับขี่เครื่องยนต์ใน MotoGP  เป้าหมายมีเพียงสิ่งเดียวคือ การไปให้เร็วที่สุดและอยู่บนมอเตอร์ไซค์ จะขับยังไงนั้น มัน...ขึ้น...อยู่....กับ....คุณ!!!!

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ประสบการณ์แข่งเทรดเมื่อปี 2013


          ย้อนกลับไปวันที่ 4 February 2013 เป็นช่วงที่ผมได้เข้าร่วมแข่งเทรดของ Broker FIBO ซึ่งการแข่งเทรดในรายการไม่ใช่เป็นครั้งแรกของผม แต่มันเป็นครั้งที่ 20กว่า รึเปล่าผมจำไม่ได้ แต่เป็นครั้งเดียวที่ผมจำได้และประทับใจ เพราะมันเป็นการแข่งครั้งแรกที่ผมได้ที่ 1 ในรายการ ฮ่าๆๆ แอบภูมิใจอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะในรายการแข่งนั้นมีผู้ร่วมแข่งเป็น 1,000 Account แต่เราเป็นคนไทยที่ติดธงชาติไทยไปแปะไว้ได้ในนั้น ประสบการณ์ในช่วงแรกๆที่ผมเข้าแข่งเทรดมักจะเข้าไปติดตามกลุ่มผู้นำ ว่าเค้าเทรดอย่างไร ทำยังไงถึงได้กำไรมหาศาลในระยะเวลาอันสั้น ผมตามแกะรอย History ของชาวต่างชาติเหล่านั้นว่าเค้าทำกันเช่นไร ใช้เทคนิคแบบไหน และเมื่อสังเกตไปเรื่อยๆในการแข่งขันทุกๆรายการก็มักจะพบว่าการ over trade เพื่อแข่งกับเวลาและแข่งกับผู้นำในหัวตารางมักจะทำให้เราสะดุดขาตัวเองในท้ายที่สุด และในทุกๆครั้ง สถิติของผู้ที่ชนะและแพ้ในรายการแต่ละรายการเป็นที่น่าแปลกใจว่า ผู้ชนะมักจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 20% และผู้ที่แพ้รวมไปถึงล้างพอร์ทออกไป มีสัดส่วนอยู่ที่ราวๆ 80% ซึ่งเป็นไปตามทฏษฏีของพาเรโตนั่นเอง  
              คราวนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ที่ผมแข่งได้ที่ 1 ในรายการนี้และทำกำไรอย่างบ้าคลั่งให้ฟัง คือตอนที่เริ่มแข่งผมก็ทำเหมือนอย่างทุกครั้งคือเทรดตามแผนของตัวเอง ( in the zone ) ตามวิธีและคู่เทรดที่ตัวเองถนัดมักคุ้นรวมไปถึงช่วงเวลาเทรดที่เหมาะสม แต่ทุกครั้งมันก็ยังไม่ทำให้ผมชนะการแข่งได้ เต็มที่ก็ไปติด 1 ใน 10 หรือ 1 ใน 20 เท่านั้น  แต่ครั้งนี้ต่างออกไป ผมเข้าไปส่องคู่เงินที่น่าจะมีพฤติกรรมที่มีสภาพตลาดเป็น side way ที่ค่อนข้างนาน และกรอบการวิ่งที่กว้างเมื่อเทียบกับค่า Spread ที่ต้องเสียไป ( ตรงนี้ค่า spread เราต้องมองเป็นต้นทุนนะครับ ซึ่งหลายๆโบรคให้ค่า Spread ไม่เท่ากัน ) นั่นแหละครับครั้งนี้ผมไปเจอ Cross ของ RUB (Russian Ruble) อันนี้ทำให้เห็นว่าการที่เราไม่ยึดติดและคอยสังเกตอย่างชาญฉลาด เป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ แต่น่าเสียดายหลังจากจบรายการนี้ ทางโบรค FIBO ก็ทำการปิดคู่เงินดังกล่าวไปไม่ให้เทรด ซึ่งผมก็ไม่หยุดที่จะควานหาเพื่อที่จะเทรดจากโบรคเกอร์อื่นเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีครับ เพราะนอกจากปิดรับก็มีบางที่เพิ่ม Spread ซะจนเทรดไม่ได้กันเลยทีเดียว วันนี้ขอแบ่งปันประสบการณ์สั้นๆเท่านี้ก่อน หากมีโอกาส จะพยายามมาลงเรื่องอื่นๆในบล็อกบ่อยๆครับ


วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

"เป้าหมายสลักไว้บนหินผา วิธีการสลักไว้บนผืนทราย"


            


                   ไอดอลทางความคิดที่ผมชอบคนนึงที่อยากจะแชร์ให้ฟังนั่นก็คือ บรู๊ซลี!!! บรู๊ซลีเคยกล่าวไว้ว่า เค้าไม่เคยยึดติดกับศิลปะการต่อสู้วิธีใด วิธีหนึ่งเพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็คือการใช้ร่างกายในมุมต่างๆรูปแบบต่างๆ ซึ่งเราอาจจะเรียกแตกต่างกันออกไปว่า มวยไทย มวยสากล ยูโด มวยปล้ำ คาราเต้ แชมโบ บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู ฯลฯ (การวางจิตเป็นกลาง ทำให้หัวใจเราพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ความรู้ใหม่ๆ ไม่ปิดกั้น ไม่เกิด Ego ไม่เกิด ฐิถิ และไม่ทำให้ปิดกั้นโอกาสดีๆที่จะเข้ามาหา) สุดท้ายมันก็คือการใช้ร่างกายตัวเอง เพื่อต่อสู้ เพียงแต่ชื่อเรียกต่างกันออกไป ผมจึงคิดว่าเราไม่ควรจะยึดติดวิธีการใดวิธีการหนึ่ง เพื่อที่จะไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการ สำหรับการเทรด การลงทุนก็เช่นกัน ไม่ควรจะตัดสินแทนผู้อื่นว่าวิธีการนี้ดี วิธีการนั้นไม่ดี วิธีของเราถูก เพราะงั้นวิธีของเธอผิด เพราะเราต่างมีความชอบไม่เหมือนกัน มีความแตกต่าง มีจริต ที่ไม่เหมือนกัน บางครั้งมันเป็นความชอบและความพึงพอใจส่วนบุคคล ไม่มีมีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูก ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบแบบไหน ตรงไหนถูกจริตเรา ทำแล้วมี " ความสุข " อันนี้สำคัญ 

( ถ้าลองเทรดแล้วอึดอัด ไม่มีความสุข ก็ลองเปลี่ยนวิธีการอื่นๆก็ได้ครับ หรือถ้าไม่โอเคจริงๆก็ลองเปลี่ยนอาชีพที่ได้ทั้งเงินและความสุขซึ่งใครจะไปรู้กับเราละว่าเราชอบเราถนัดแบบไหนไม่ต้องไปยึดติดครับ ชีวิตเราสั้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย เลี่ยงยังไงก็ไม่ได้ แข่งกับเวลาแล้วหาตัวเองให้เจอ แล้วลุยให้เต็มที่ครับ บางทีจริงๆแล้วเราอาจจะเป็นนักร้องระดับโลกก็ได้นะ 555 ) 

             เราต้องหันมาตระหนักถึงการเข้าใจตนเอง เข้าใจโลกภายในของตนเอง เข้าใจความคิดและแนวคิดที่ถูกต้อง การที่เราวนเวียนแต่ศึกษาเรื่องภายนอก มองหาแต่เทคนิคและวิธีการที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนโลก (ไม่รู้จะมีจริงๆหรือเปล่า) จนลืมเรื่องวิธีคิด ทั้งๆที่ความคิดเป็นสิ่งที่กำหนดและนำพาไปสิ่งที่ถูกต้อง หลายครั้งการเทรดในตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ ทั้งๆที่เรียนมาเหมือนกัน กราฟเหมือนกัน เทคนิคเดียวกัน นั่งเทรดข้างๆกัน คนนึงกลับขาดทุน คนนึงกลับได้กำไร คนนึงโทษกราฟ คนนึงบอกว่าตัวเองพลาดเองต้องปรับปรุงแก้ไข สรุปแล้ว อะไรคือปัจจัยที่ทำให้คนทั้งสองคนนี้มีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันแน่ แม้แต่การใช้โรบอทเทรด อันนี้ผมก็เห็นมีกับตา โรบอทตัวเดียวกัน โบรคเหมือนกัน ตลาดเดียวกัน กราฟเหมือนกัน แต่ทำไมคนนึงทำกำไร คนนึงขาดทุน สิ่งที่ผมเห็นรูปแบบและเหตุการณ์ที่ซ้ำๆกันนี้เกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่ได้เห็นในวงการนี้ ทำให้ตระหนักเป็นอย่างมากกับเรื่องของความคิด ซึ่งเป็นต้นตอของทุกสิ่ง วันนี้ผมจึงอยากเชิญชวนให้เรามานั่งคุยกับตัวเอง และศึกษาใจของตัวเองกันอีกซักครั้งนะครับ ว่าจิตใจและความคิดเราตอนนี้ ถูกจัดเรียงกันยังไง เพราะข่าวดีที่สุด คือ เราสามารถแก้ไขและพัฒนาตัวเองได้อยู่เสมอๆ ครับ